Google Analytics

เป็นเครื่องมือสำหรับวิเคราะห์เว็บไซต์และเก็บสถิติ ที่พัฒนาโดย Google โดยจะแสดงสถิติการเข้าชมเว็บไซต์ รวมถึงสถิติอื่นๆ ที่ช่วยในการวิเคราะห์กลยุทธ์การตลาด และการทำ SEO (Search Engine Optimization) บนเว็บไซต์ของเรา

Google Analytics มีส่วนประกอบสำคัญอยู่ 4 ส่วน คือ Collection, Configuration, Processing, Reporting

Collection

ในการเก็บข้อมูล (Collection) เราจำเป็นต้องฝังโค๊ดของ Google Analytics ลงบนเว็บไซต์ของเรา เพื่อว่าเวลาที่มีคนเข้ามาเว็บไชต์เรา โค๊ดที่เราฝังไว้บนเว็บไซต์จะทำการเก็บรวบรวมข้อมูลของบุคคลนั้น เช่น IP ที่ใช้เรียกเว็บไซต์เรา, ข้อมูลเกี่ยวกับหน้าเว็บที่บุคคลนั้นเข้ามา, ข้อมูลของเบราเซอร์ที่บุคคลนั้นใช้, บุคคลนั้นมาที่เว็บเราจากที่ไหน, และอื่นๆ แล้วส่งข้อมูลเหล่านี้ไปยัง Google เพื่อเข้าสู่กระบวนการจัดการข้อมูล (Processing) ต่อไป ดูตัวอย่าง script ที่เรานำมาฝังบนเว็บไซต์ของเรา

<!-- Global site tag (gtag.js) - Google Analytics -->
<script async src="https://www.googletagmanager.com/gtag/js?id=UA-XXXXXX-X"></script>

<script> window.dataLayer = window.dataLayer || []; 
function gtag(){dataLayer.push(arguments);} 
gtag('js', new Date()); gtag('config', 'UA-XXXXXX-X'); 
</script>

ป.ล. ตัวแปร UA-XXXXXX-X  คือเลขที่บัญชี ที่ทาง Google สร้างให้เรา ตอนที่เราสร้าง บัญชี Google Analytics สำหรับเว็บไซต์ที่เราต้องการจะเก็บสถิติ

ทุกครั้งที่มีคนเข้ามาเว็บไซต์เรา script จะถูกโหลดพร้อมกับเว็บไซต์ และส่งข้อมูลกลับไปให้ทาง Google ในรูปแบบ URL ซึ่งเราเรียกว่า ข้อมูลนี้ว่า Hit. http://salarymatter.com/wp-content/uploads/2018/10/Hit-1024×137.jpg

Processing

หลังจากที่ Google Analytics ได้ข้อมูลที่ส่งให้มาแล้ว ก็เข้าสู่กระบวนการจัดการและจำแนกข้อมูล โดยเริ่มจากการกำหนดว่า บุคคลนี้เคยเข้ามาเว็บไซต์ของเราแล้วหรือยัง หรือเข้ามาเป็นครั้งแรก เสร็จแล้วก็ทำการกำหนด ช่วงระยะเวลาที่บุคคลนั้นมีปฎิสัมพันธ์กับเว็บไซต์ จำนวนหน้าที่เข้าเยี่ยมชม และอื่นๆ แล้วเก็บบันทึกลงฐานข้อมูลตามที่จำแนกไว้

Configuration

เราสามารถเข้าไปกำหนดค่าต่างๆ ในการจัดการข้อมูลเพิ่มเติม นอกเหนือจากการจัดการปกติ เราสามารถทำการกรองข้อมูล เช่นเลือกรับเฉพาะข้อมูลที่มาจากประเทศใดประเทศหนี่ง ไม่รับข้อมูลที่มาจากไอพีใดไอพีหนึ่งเป็นต้น เราสามารถที่จะสร้างกรุ๊ปของข้อมูลในแบบของเรา เราสร้างโกล์ไว้สำหรับวัดผลบางอย่างที่เราต้องการและอื่นๆ

Reporting

หลังจากที่ได้รับข้อมูลและทำการจัดการและจำแนกข้อมูลต่างๆ ตามค่าปกติของ Google และค่าที่เรากำหนดค่าไว้ Google จะแปลงข้อมูลไว้ในรูปแบบที่เป็น มิติ (Dimension) และ ตัวเลขที่เกี่ยวข้องกับมิตินั้นๆ (Metrics)

มิติ (Dimension) คือ คุณลักษณะของข้อมูลของเรา เช่น ประเทศ ภาษา หน้าเว็บที่เข้ามาครั้งแรก และอื่นๆ เป็นต้น

ตัวเลขที่เกี่ยวข้องกับมิติ (Metrics) คือ การวัดเชิงปริมาณ เช่น ช่วงระยะเวลาที่ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ใช้บนเว็บของเรา จำนวนคนที่เข้าเยี่ยมเว็บของเราที่มาจากประเทศจีน และ อื่นๆ เป็นต้น

Google Analytics จะทำการเก็บข้อมูลเหล่านี้ในรูปแบบของตารางบนฐานข้อมูลรวม เพื่อที่จะนำมาทำรีพอร์ตได้โดยง่ายและรวดเร็ว จะมีรีพอร์ตหลักๆ อยู่ด้วยกัน 4 รีพอร์ต คือ

  1. Audience Report
  2. Acquisition Report
  3. Behavior Report
  4. Conversions Report

Audience Report

Audience Report คือ รีพอร์ตที่ช่วยให้เราเข้าใจ คุณลักษณะต่างๆของผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา

Demographics and Interests Report บอกถึงช่วงอายุและเพศ รวมถึงจำนวนของผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ และสิ่งที่ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์สนใจ

Geo Report บอกถึง แหล่งที่มาและภาษาของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์

Behavior Report บอกถึงพฤติกรรมของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ เช่น เคยเข้ามาเว็บเราแล้ว หรือ เพิ่งเข้ามาเป็นครั้งแรก ระยะเวลาที่ผู้เยี่ยมชมเว็บใช้บนเว็บของเรา

Technology Report บอกถึงเทคโนโลยี่ผู้เยี่ยมชมเว็บใช้ เช่น รุ่นของเบราเซอร์ หรือ ระบบปฎิบัติการของคอมพิวเตอร์ที่ใช้ เป็นต้น

Mobile Report เปรียบเทียบจำนวนผู้ใช้ มือถือ แท๊บเล็ท และ เครื่องคอมพิวเตอร์ และยังบอกถึงรุ่นมือถือของผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บ

Acquisition Report

เราสามารถใช้ Acquisition report เพื่อดูรายงานเปรียบเทียบประสิทธิภาพการทำงานของแต่ละช่องทางการตลาด เช่น มาจากเว็บไซต์อื่น มาจากโซเชียล มาจากอีเมล์ หรือมาจากการโฆษณาออนไลน์เป็นต้น และยังสามารถบอกได้ว่าช่องทางไหนที่ให้ traffics ที่มีคุณภาพอีกด้วย

Behaviour Report

Behavior Report เป็นรีพอร์ตที่โฟกัสว่าผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ทำอะไรบ้างหรือไปหน้าไหนบ้างบนเว็บไซต์ของเรา

Overview โชว์กราฟของ traffics ที่เข้ามายังเว็บไซต์ของเรา

Behavior Flow โชว์การเเดินทางในแต่ละ step ของผู้เยี่ยมชมเว็บของเรา ว่ามาจากไหนบ้าง ไปต่อที่ไหนบนเว็บเรา แล้วมีออกไปเท่าไหร่

Site Content  ช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์จากหน้าที่พวกเขาเข้ามา และจากหน้าที่พวกเขาออกไปจากเว็บของเรา หน้าไหนเป็นหน้าที่พวกเขาเข้ามาแล้วออกไปทันทีโดยที่ไม่ไปหน้าอื่นต่อ ซึ่งถือว่าเป็น bounce ทำให้วิเคราะห์ได้ว่าหน้าไหนควรที่จะถูกปรับปรุงให้ดีขึ้น

Conversions Report

ไม่เหมือนกับ 3 รายงานที่กล่าวมาข้างต้น Conversions report เป็นรายงานที่ต้องมีการลงโค๊ดเพิ่มเติมบนเว็บไซต์ของเรา หรือมีการตั้งค่าเพิ่มเติมในบัญชี Analytics ของเรา

Goal เป็นรายงานที่เราสามารถตั้งค่าเองได้ เวลาที่เราต้องการวัดผลกิจกรรมบางอย่างที่ รายงานปกติ ไม่สามารถเก็บได้ เช่น การวัดผล จำนวนคนที่ลงทะเบียนบนหน้าเว็บไซต์ของเรา หรือ จำนวนคนที่สมัครรับข่าวสารบนหน้าเว็บไซต์ของเรา หรือจำนวนคนที่ดาวน์โหลดไฟล์ของเรา เป็นต้น

E-commerce เป็นรายงานที่เราต้องพึ่งทางเว็บโปรแกรมเมอร์ช่วยลงโค๊ดเพิ่มเติม เพื่อที่จะสามารถเก็บสถิติต่างๆที่เกี่ยวกับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของเรา เช่น จำนวนคนที่เข้ามายังตะกร้าสินค้า จำนวนสินค้าที่ขายดี ราคาที่ขาย และ conversion rates.

อย่างที่กล่าวมาข้างต้น Google Analytics เป็นเครื่องมือที่ทาง Google พัฒนามาให้เราใช้ฟรี เหตุผลที่เราจำเป็นต้องใช้เครื่องมือนี้ในการเก็บสถิติ เพราะว่าคนส่วนใหญ่เกือบ 90% ใช้ Google Search ในการค้นหาข้อมูลต่างๆ ยังมีเว็บค้นหาอื่นๆ ที่เราอาจจะพิจารณา เช่น Baidu, Yandex, Bing เป็นต้น

ในบทความต่อไป จะมาขยายความต่อ ในแต่ละรีพอร์ท และคำจำกัดความต่างๆ เพื่อที่จะได้สามารถวิเคราะห์ได้แม่นยำมากขึ้น